แสนสิริประกาศ ‘The New Normal for Sansiri  Living’ กับ 5 มิติ สร้างปรากฎการณ์ใหม่ของวงการอสังหาฯไทย หลังวิกฤติโควิด-19 นำร่องเดอะ ไลน์ สุขุมวิท 101’ สู่ New Normal เป็นโครงการแรก ทั้งผนึกสิริ เวนเจอร์สฯ ยกระดับ Sansiri Home Service Application สู่ Super App ครอบคลุมด้านไลฟ์สไตล์ ยกระดับประสบการณ์แบบลดการสัมผัสอย่างไร้รอยต่อ ใช้ชีวิตอย่าง จอง-จ่าย จบในแอปพลิเคชั่นเดียว


นายอภิชาติ จูตระกูล ประธานอำนวยการ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) หรือ SIRI  เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่า สายพันธุ์ใหม่ โควิด-19 ว่า ที่ผ่านมาบริษัทฯก็ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์เช่นเดียวกัน แต่ก็สามารถปรับตัวรับมือได้ทัน และเชื่อว่าในอีก 1-2 ปีข้างหน้าคงต้องต่อสู้กับโควิด-19 และโรคใหม่ๆไปอย่างต่อเนื่อง ซึ่งอาจส่งผลให้กระแสเงินสดและการใช้ชีวิตเปลี่ยนไปของทุกคนเปลี่ยนไป โดยในธุรกิจอสังหาฯนั้น ก็จะต้องพยายามดำเนินการให้กระแสเงินสดเข้าบริษัทฯให้มากที่สุด

โควิด-19 เปรียบเสมือนตัวเร่งปฏิกิริยาสร้างการเปลี่ยนแปลงทั้งภาคธุรกิจและภาคเอกชน ในธุรกิจอสังหาฯ ซึ่งแสนสิริปรับตัวรับมือกับการแพร่ระบาดและเศรษฐกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุด ทั้งการทำตลาดแบบ Speed to Market, ให้ความสำคัญกับสภาพคล่องของ Cash Flowตลอดจนรักษาสมดุลของ 4 เสาของแสนสิริ ดูแลลูกค้าผ่าน Sansiri Care เพื่อสร้างความเชื่อมั่นอุ่นใจในมาตรฐานความปลอดภัยและเป็น Top of Mind Brand ของลูกค้า พร้อมช่วยเหลือพนักงานและสังคมผ่าน Sansiri Care Relief Fund และ Sansiri Care for All”นายอภิชาต กล่าว

นายอภิชาติ กล่าวเพิ่มเติมว่า แม้มีการคาดการณ์ว่าสถานการณ์จะกลับสู่สภาวะปกติจะใช้เวลาประมาณ 1-2 ปี แต่แสนสิริลงมือแล้วตั้งแต่วันนี้ ยกระดับมาตรฐานของบริษัทฯ สู่ “The New Normal for Sansiri Living” กับ 5 มิติแห่งอนาคต และสร้างปรากฎการณ์ใหม่ของวงการอสังหาฯไทย ทั้งการดำเนินธุรกิจ การพัฒนาโครงการอสังหาฯ และบริการหลังการขาย เพื่อดูแลครอบครัวแสนสิริตั้งแต่วันนี้ ก่อนการเปลี่ยนแปลงที่กำลังจะเกิดขึ้นหลังวิกฤติการแพร่ระบาดโควิด-19 ประกอบด้วย


– New Normal ด้านการดูแลโครงการและบริการ ยกระดับความเข้มงวดด้านการทำความสะอาดและฆ่าเชื้อโรค รวมถึงตรวจวัดไข้ทั้งพนักงานและลูกบ้าน เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโรคที่ไม่สามารถคาดการณ์ได้

- New Normal ด้านเทคโนโลยีเพื่อการอยู่อาศัย เติมเต็มประสบการณ์แบบลดการสัมผัส (Touchless Journey) ความใส่ใจด้านความสะอาดและถูกสุขอนามัย


-New Normal ด้าน Waste Management เพิ่มมาตรการจัดการขยะติดเชื้อจากหน้ากากอนามัยที่ปลอดภัย และวางระบบจัดการรีไซเคิลที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น จาก Food Delivery หรือ Online Shopping ที่สูงขึ้น


-New Normal ด้านการออกแบบและพัฒนาโครงการ ยกระดับคุณภาพการใช้ชีวิต สร้างประสบการณ์การอยู่อาศัยแบบลดการสัมผัส พร้อมผสานการ Work Anywhere, Anytime และทุกไลฟ์สไตล์การพักผ่อนอย่างลงตัว


-New Normal ด้านความปลอดภัยในการอยู่อาศัย กับ LIV-24 บริการดูแลความปลอดภัยจากศูนย์ควบคุมแบบเรียลไทม์ 24 ชั่วโมง ดูแลความปลอดภัย เพิ่มความอุ่นใจตลอดการอยู่อาศัยของลูกบ้าน

ขณะที่แนวคิด ‘New Normal’ ได้รับการตีความที่หลากหลาย แต่วันนี้ แสนสิริ ลงมือศึกษาอย่างจริงจัง และทำอนาคตให้เกิดขึ้นจริงอย่างเป็นรูปธรรม นำร่องยกระดับมาตรฐานเดอะ ไลน์ สุขุมวิท 101’ สู่ New Normal ของการอยู่อาศัยเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีที่สุดของครอบครัวแสนสิริ เป็นโครงการแรก สะท้อนทุกมิติของ ‘The New Normal for Sansiri Living’ เริ่มจากทางเข้าโครงการ ส่วนกลาง จนถึงห้องพักนายอภิชาติ กล่าว

โดยปัจจุบันบริษัทฯมีโครงการแนวราบและคอนโดฯพร้อมอยู่ เปิดขายประมาณ 62 โครงการ รวมมูลค่าประมาณ 10,000 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการแนวราบ มูลค่า 4,000 ล้านบาท และคอนโดมิเนียม มูลค่า 6,000 ล้านบาท ส่วนโครงการใหม่ที่จะเปิดในปี 2563 นี้ มีจำนวน 18 โครงการ รวมมูลค่า 24,000 ล้านบาท แบ่งเป็นบ้านเดี่ยว สัดส่วน 36%  จำนวน 6 โครงการ ภายใต้แบรนด์ เศรษฐสิริ-สราญสิริ ระดับราคา  7-10 ล้านบาท  มูลค่า 8,600 ล้านบาท ,ทาวน์โฮม มิกซ์โปรดักส์ สัดส่วน 28%  จำนวน 6 โครงการ ภายใต้แบรนด์  สิริ เพลส-คณาสิริ ระดับราคา 3-7 ล้านบาท มูลค่า 6,600 ล้านบาท รวม 2 เซกเมนต์ คิดเป็นมูลค่า 15,200 ล้านบาท  และที่เหลืออีก 37% จะเป็นการพัฒนาในรูปแบบของคอนโดมิเนียม จำนวน 6 โครงการ มูลค่า 8,800 ล้านบาท

นายปิติ จารุกำจร รองกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมและบริหารกลยุทธ์ SIRI กล่าวว่า นิยามที่อยู่อาศัยในแบบฉบับ ‘The New Normal for Sansiri Living’ และไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนไปอย่างถาวร คาดการณ์ว่าต่อไปนี้หลายคนจะใช้ชีวิตอยู่บ้านมากขึ้น และเชื่อมั่นว่า ‘Homes for your Peace of Mind’ ยกบ้านเป็นที่ที่สะอาด ถูกสุขอนามัย ยิ่งไปกว่านั้น บ้านและสิ่งอำนวยความสะดวกโดยรอบจะไม่เป็นเพียงพื้นที่พักผ่อนอย่างเดียวอีกต่อไป แต่จะยังช่วยส่งเสริม ‘Productivity’ และรองรับวิถีการทำงานแบบ Work Anywhere, Anytime ทั้งนี้จะพบกับนิยามใหม่ของแนวคิด Sharing Economy เพราะทุกการออกแบบพื้นที่อย่างเป็นสัดส่วน และคำนึงถึงพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่เปลี่ยนไป เช่น Social Distancing ตลอดจนเสริมการทำความสะอาดพื้นที่ส่วนกลางก่อนลูกบ้านเข้าใช้บริการ ขณะเดียวกัน การอยู่อาศัยในคอมมูนิตี้ของแสนสิริมุ่งมอบประสบการณ์การใช้ชีวิตแบบ ‘Touchless’ ลดการสัมผัสและลดโอกาสการติดเชื้อ พร้อมยกระดับมาตรฐานความปลอดภัย ‘Security and Safety’ เพิ่มความอุ่นใจในการอยู่อาศัย เมื่อลูกบ้านใช้เวลาอยู่บ้านมากขึ้น

ทั้งนี้แสนสิรินำเสนอ New Normal ของการอยู่อาศัยเพื่อสุขอนามัยสูงสุดของครอบครัวแสนสิริ ต่อยอดความสมบูรณ์แบบของเดอะ ไลน์ สุขุมวิท 101” นำร่องติดตั้งเทคโนโลยีเสริม สอดรับกับความต้องการและพฤติกรรมของลูกบ้านที่ให้ความสำคัญด้านสุขภาพและความสะอาดมาเป็นอันดับหนึ่ง เริ่มต้นจากทางเข้าโครงการ ด้วยการติดตั้งระบบ Visitor Management System (VMS) และระบบการลงทะเบียนด้วยการสแกนหลักฐานแสดงตนเพื่อเข้า-ออกโครงการ และบันทึกข้อมูลผู้มาติดต่อ, ติดตั้งประตูอัตโนมัติทางเข้าหลัก 5 จุด ลดการสัมผัส และคัดกรองที่จุดเชื่อมต่อจากภายนอกสู่ภายในอาคาร, ใช้ระบบฆ่าเชื้อ ด้วยเทคโนโลยี UV บนพัสดุ ก่อนส่งมอบให้ลูกบ้านผ่าน Smart Locker, ติดตั้งเครื่องปล่อยแอลกอฮอล์อัตโนมัติในพื้นที่ส่วนกลางและลิฟต์ รวมทั้งเครื่องปล่อยโฟมอัตโนมัติและเครื่องปล่อยน้ำยาฆ่าเชื้อ สำหรับการเช็ดฝารองนั่งสุขภัณฑ์ในห้องน้ำส่วนกลาง

เราให้ความสำคัญสูงสุดด้านคุณภาพชีวิตที่ดีที่สุดของผู้อยู่อาศัย ทั้งความสะอาดปราศจากเชี้อโรคและครอบคลุมไปถึงการมีอากาศบริสุทธ์ เพื่อสร้างบรรยากาศที่สะอาดและน่าอยู่ ติดตั้งระบบ UVC ในเครื่องปรับอากาศของพื้นที่ส่วนกลางของเดอะไลน์ สุขุมวิท 101” จาก Steril Aire นำเข้าจากประเทศสหรัฐอเมริกา มีความเข้มรังสีสูงที่สามารถทำลายเชื้อไวรัส แบคทีเรียและเชื้อรา และเป็นระบบที่ได้รับรับรองโดยมาตรฐานงานระบบวิศวกรรมของสมาคมวิศวกรการทำความร้อนความเย็นและการปรับอากาศแห่งสหรัฐอเมริกา (ASHRAE) โดยระบบดังกล่าวมีการใช้ในสถานที่สำคัญอย่างแพร่หลายทั่วโลก ทั้งสถานพยาบาล อุตสาหกรรมการผลิตยาหรืออาหาร โรงแรม และในประเทศไทยนายปิติ กล่าว


ด้านนายจิรพัฒน์ จันทร์เจิดศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่เทคโนโลยี บริษัท สิริ เวนเจอร์ส จำกัด กล่าวว่า ตั้งแต่การระบาดในระยะแรกของโควิด-19 สิริ เวนเจอร์สฯ เข้ามามีบทบาทสำคัญในการพัฒนาฟังก์ชั่นและเสริมเทคโนโลยีบน Sansiri Home Service Application เพื่ออำนวยความสะดวกให้ลูกบ้าน ยกระดับประสบการณ์แบบลดการสัมผัสอย่างไร้รอยต่อ สะท้อนแนวคิด ‘The New Normal for Sansiri Living’ ตั้งแต่การควบคุมคุณภาพอากาศภายในห้อง และเช็คค่า AQI ของอากาศภายนอก, การสั่งการด้วยเสียงผ่าน Google Home เพื่อสำรองการใช้งานพื้นที่ส่วนกลาง แจ้งซ่อม และจ่ายค่าสาธารณูปโภค ค่าน้ำ-ไฟ และใช้บริการพิเศษด้าน Delivery, Cleaning Service, Health Service และด้าน Lifestyle อื่น อีกมาก จอง-จ่าย-จบ ครบทุกไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตในแอปพลิเคชั่นเดียว


ขอบคุณข้อมูลที่มา prop2morrow